ลองมาทำความเข้าใจการสกัดสารจากสมันไพรคร่าวๆ
เพื่อใช้ในการทำสบู่ ยาสระผม โลชั่นทาตัวและอื่นๆ
ใช้หลักการเดียวกันทั้งหมด
.
1.เตรียมสมุนไพรที่จะใช้ หลักการคือ ย่อย มั่น บด ซอยให้ชี้นเล็กๆที่สุด
2.ลดความชื้นลง โดยการตากแดด ถ้าทำได้ เช่น ขมิ้นชัน ไพร หรือที่มีน้ำเยอะๆ ก็ควรตากให้มากที่สุด เพราะเราเอาสารสกัด ไม่ต้องการน้ำที่ปนอยู่ในเนื้อสมุนไพร เพื่อความข้มข้นที่ได้(ไม่ควรอบเพราะจะสูญเสียสารสำคัญจากความร้อน ไม่ควรปั่นด้วยเครื่อง สมัยโบราญจึงมีการ บด โม่แบบช้าๆนั่นละ)
3.ไปหาซื้อแอลกอฮอร์มาก่อนตามร้านขายยา เอาง่ายๆ บอกเขา เอาแบบที่กินได้นั่นละ เอทิว เมททิว เดี๋ยวเรียกสลับกัน(ใช้เหล้าขาวมันจะเหม็น)
4.ชั่งสมุนไพร ที่ตาก ทด หั่น พอได้แล้ว ก็มี 2แนวคิด คือ โดยน้ำหนัก กับโดปริมาตร ไม่มีอะไรตายตัว โดยเอาสมันไพรใสขวดแก้ว ปากกว้างที่มีฝาปิดก็ได้
5.สมุนไพร 1 ส่วน แอลกอฮอร์ 3ส่วนและหรือ อย่างพวกใบสมุนไพร ก็ใส่แอลกอฮอร์ พอท่วม สูงมานิดหน่อยสุก 1เท่า เอาตะเกียบ คนๆ ให้เข้ากัน ปิดฝา ตั้งทิ้งไว้ 1-2 วัน
6.มันจะตกตะกอน แยกเอาน้ำใสๆ ออกมา
7.ถ้าเอามาใช้เลยก็ได้ แต่ แอลกอฮอร์ มันจะมีผลกับสบู่ที่ได้
8.อย่ากระนั้นเลย เอามาตุ๋นไฟอ่อนๆ สัก ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง เพื่อไล่ แอลกอฮอร์ออก ก็ได้ เพื่อสมุนไพรที่ใส่ จะได้มีสารที่เข้มข้นขึ้น
........................................
การเลือกว่าจะใช้ส่วนไหนของสมุนไพร ต้องศึกษาให้ดี
อย่างฟักข้าง บางคนเล่นใช้ทั้งเนื้อทั้งเม็ด เพราะเห็นแก่ตัว อยากลดต้นทุน แล้วแค่บอกว่าใช้ฟักข้าว
มันไม่ใช่....สารมันอยู่ที่เมล็ด มันต้องใช้จากเมล็ดเท่านั้น เนื้อไม่เกียว
.
คือต้องหามันให้เจอว่า สารสำคัญ ที่เราจะใช้กับผิว มันอยู่ส่วนไหน ของพืข ไม่ใช่ใช้กันเรื่อยเปื่อยแบบทุกวันนี้ แล้วเอามาโฆษณา กันมั่วๆ แบบที่ชาวบ้านทำๆกัน
.
ของสดๆที่เอามาตำๆ คั้นๆ แล้วเอาน้ำที่ได้มาผสมสบู่ มันต้องใส่กันเสีย ไม่งั้นก็ขึ้นรา เก็บไม่ได้นาน ระวัง
.
เพราะชาวบ้านก็ไม่มีวิชาการ ระดับบ้านๆ สอนๆกันมา มันขาดองค์ความรู้ ที่ถูกต้อง ก็ต้องพยายามหาหนทางเรียนรู้เพิ่มเติมกันเอามั่ง เพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน มากที่สุด
เพื่อใช้ในการทำสบู่ ยาสระผม โลชั่นทาตัวและอื่นๆ
ใช้หลักการเดียวกันทั้งหมด
.
1.เตรียมสมุนไพรที่จะใช้ หลักการคือ ย่อย มั่น บด ซอยให้ชี้นเล็กๆที่สุด
2.ลดความชื้นลง โดยการตากแดด ถ้าทำได้ เช่น ขมิ้นชัน ไพร หรือที่มีน้ำเยอะๆ ก็ควรตากให้มากที่สุด เพราะเราเอาสารสกัด ไม่ต้องการน้ำที่ปนอยู่ในเนื้อสมุนไพร เพื่อความข้มข้นที่ได้(ไม่ควรอบเพราะจะสูญเสียสารสำคัญจากความร้อน ไม่ควรปั่นด้วยเครื่อง สมัยโบราญจึงมีการ บด โม่แบบช้าๆนั่นละ)
3.ไปหาซื้อแอลกอฮอร์มาก่อนตามร้านขายยา เอาง่ายๆ บอกเขา เอาแบบที่กินได้นั่นละ เอทิว เมททิว เดี๋ยวเรียกสลับกัน(ใช้เหล้าขาวมันจะเหม็น)
4.ชั่งสมุนไพร ที่ตาก ทด หั่น พอได้แล้ว ก็มี 2แนวคิด คือ โดยน้ำหนัก กับโดปริมาตร ไม่มีอะไรตายตัว โดยเอาสมันไพรใสขวดแก้ว ปากกว้างที่มีฝาปิดก็ได้
5.สมุนไพร 1 ส่วน แอลกอฮอร์ 3ส่วนและหรือ อย่างพวกใบสมุนไพร ก็ใส่แอลกอฮอร์ พอท่วม สูงมานิดหน่อยสุก 1เท่า เอาตะเกียบ คนๆ ให้เข้ากัน ปิดฝา ตั้งทิ้งไว้ 1-2 วัน
6.มันจะตกตะกอน แยกเอาน้ำใสๆ ออกมา
7.ถ้าเอามาใช้เลยก็ได้ แต่ แอลกอฮอร์ มันจะมีผลกับสบู่ที่ได้
8.อย่ากระนั้นเลย เอามาตุ๋นไฟอ่อนๆ สัก ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง เพื่อไล่ แอลกอฮอร์ออก ก็ได้ เพื่อสมุนไพรที่ใส่ จะได้มีสารที่เข้มข้นขึ้น
........................................
การเลือกว่าจะใช้ส่วนไหนของสมุนไพร ต้องศึกษาให้ดี
อย่างฟักข้าง บางคนเล่นใช้ทั้งเนื้อทั้งเม็ด เพราะเห็นแก่ตัว อยากลดต้นทุน แล้วแค่บอกว่าใช้ฟักข้าว
มันไม่ใช่....สารมันอยู่ที่เมล็ด มันต้องใช้จากเมล็ดเท่านั้น เนื้อไม่เกียว
.
คือต้องหามันให้เจอว่า สารสำคัญ ที่เราจะใช้กับผิว มันอยู่ส่วนไหน ของพืข ไม่ใช่ใช้กันเรื่อยเปื่อยแบบทุกวันนี้ แล้วเอามาโฆษณา กันมั่วๆ แบบที่ชาวบ้านทำๆกัน
.
ของสดๆที่เอามาตำๆ คั้นๆ แล้วเอาน้ำที่ได้มาผสมสบู่ มันต้องใส่กันเสีย ไม่งั้นก็ขึ้นรา เก็บไม่ได้นาน ระวัง
.
เพราะชาวบ้านก็ไม่มีวิชาการ ระดับบ้านๆ สอนๆกันมา มันขาดองค์ความรู้ ที่ถูกต้อง ก็ต้องพยายามหาหนทางเรียนรู้เพิ่มเติมกันเอามั่ง เพื่อพัฒนาสินค้าให้ได้มาตรฐาน มากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น